ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา: ทบ. ยืนยัน ไม่ได้เข้ายึดปราสาทพระวิหาร แต่เป็นการตอบโต้เพื่อปกป้องดินแดน

กรุงเทพฯ – 25 กรกฎาคม 2567 – กองทัพบก (ทบ.) ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่แพร่สะพัดบนโลกออนไลน์และสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ว่าทหารไทยสามารถเข้ายึดพื้นที่ปราสาทพระวิหารในจังหวัดศรีสะเกษได้สำเร็จ โดย พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่า ข่าวนี้เป็นข้อมูลเท็จและไม่มีมูลความจริง
สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา: ความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้น
ในช่วงที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชาบริเวณชายแดนมีความตึงเครียดเนื่องจากประเด็นข้อพิพาทเกี่ยวกับพื้นที่และอาณาเขต กองทัพบกได้ดำเนินการตอบโต้ต่อเป้าหมายทางทหารที่ฝ่ายกัมพูชารุกล้ำเข้ามา รวมถึงการสนับสนุนการรบและการรักษาพื้นที่ที่สำคัญ แต่การดำเนินการดังกล่าวไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเข้ายึดปราสาทพระวิหารแต่อย่างใด
ปราสาทพระวิหาร: สถานะทางกฎหมายและความสำคัญทางประวัติศาสตร์
ปราสาทพระวิหารเป็นโบราณสถานสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ตั้งอยู่บนเทือกเขาพนมรุ่งเรือง ซึ่งเป็นที่มาของความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชามาอย่างยาวนาน ปราสาทแห่งนี้ถือเป็นมรดกโลกของยูเนสโก และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อทั้งสองประเทศ
การยืนยันจากกองทัพบก: จุดประสงค์ของการปฏิบัติการ
พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ ได้เน้นย้ำว่า กองทัพบกมีหน้าที่ปกป้องรักษาอธิปไตยและดินแดนของชาติ การปฏิบัติการทางทหารใดๆ ที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดน มีจุดประสงค์เพื่อตอบโต้การกระทำที่คุกคามความมั่นคงของประเทศเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะยึดครองพื้นที่ใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างปราสาทพระวิหาร
ข้อเรียกร้องให้ตรวจสอบข่าวสาร: ป้องกันการแพร่กระจายข้อมูลเท็จ
กองทัพบกขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนในการตรวจสอบข้อมูลข่าวสารก่อนที่จะเชื่อหรือแชร์ต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ชายแดน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายข้อมูลเท็จที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดและความตึงเครียดระหว่างประเทศ
อนาคตความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา: การเจรจาและการแก้ไขปัญหาอย่างสันติ
กองทัพบกหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชาจะกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว และทั้งสองประเทศจะสามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งต่างๆ ผ่านการเจรจาและการหารืออย่างสันติ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีและความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย